การป้องกัน ของ การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

การระบาดทั่วของโรคนั้นมีการคาดการณ์ว่าจะถึงจุดสูงสุดราวกลางฤดูหนาวในซีกโลกเหนือ[79] CDC ได้แนะนำว่า ขนาดยาวัคซีนในขั้นแรกควรจะนำไปฉีดให้กับกลุ่มที่ต้องการเป็นพิเศษ อย่างเช่น สตรีมีครรภ์ บุคคลผู้อาศัยหรือเลี้ยงดูทารกอายุต่ำกว่า 6 เดือน เด็กซึ่งมีอายุระหว่าง 6 เดือน - 4 ปี และเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข[80] ในสหราชอาณาจักร NHS ได้ให้คำแนะนำทำนองเดียวกัน โดยแนะนำให้ใช้กับบุคคลอายุมากกว่า 6 ปีซึ่งเสี่ยงต่อโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล และคนในครอบครัวซึ่งมีภูมิคุ้มกันไม่สมบูรณ์[81]

ถึงแม้ว่าในตอนแรกจะมีการคาดการณ์ว่าการฉีดวัคซีนต้องการการฉีด 2 ครั้ง แต่กรณีในการรักษาแสดงออกมาว่าวัคซีนของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 นั้น ป้องกันผู้ใหญ่เฉพาะ "ยาโดสเดียว แทนที่จะเป็นสองโดส" ดังนั้น ปริมาณวัคซีนที่จำกัดน่าจะกระจายไปได้ไกลเป็น 2 เท่าจากที่เคยทำนายไว้[82][83] ค่าใช้จ่ายจะลดลงโดยการมี "วัคซีนที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น"[82] สำหรับเด็กซึ่งมีอายุต่ำกว่า 10 ปี ได้มีการแนะนำให้ฉีดวัคซีน 2 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน 21 วัน[84][85] อย่างไรก็ตาม ไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลยังต้องการวัคซีนแยกต่างหากจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009[86]

หน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลกเป็นกังวลเช่นกัน เนื่องจากเชื้อเป็นไวรัสชนิดใหม่ ซึ่งสามารถกลายพันธุ์และทวีความรุนแรงขึ้นได้ ถึงแม้ว่าอาการของไข้หวัดใหญ่ส่วนใหญ่จะไม่รุนแรงนักและกินเวลาเพียงไม่กี่วันโดยไม่ต้องเข้ารับการรักษา หน่วยงานรัฐบาลยังกระตุ้นให้ประชาคม ธุรกิจและปัจเจกชนในการเตรียมการสำหรับความเป็นไปได้ที่อาจมีการปิดโรงเรียน กรณีลูกจ้างจำนวนมากลางานเพราะการเจ็บป่วย ปริมาณของผู้ป่วยที่เข้ารักษาในโรงพยาบาลที่ไม่คงที่ และผลกระทบอย่างอื่นของการระบาดในวงกว้างที่สามารถเป็นไปได้[87]

ในการรับมือกับไวรัส องค์การอนามัยโลกและรัฐบาลสหรัฐเร่งการรณรงค์วัคซีนขนานใหญ่เมื่อปลาย พ.ศ. 2552 ซึ่งนับว่าเป็นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่หลังจากการค้นพบวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ เมื่อปี พ.ศ. 2498[88]

เมโยคลินิกแนะนำมาตรการส่วนบุคคลเพื่อป้องกันการติดไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ซึ่งสามารถปรับใช้กับการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้ คือ ฉีดวัคซีนเมื่อสามารถหาได้ การล้างมือบ่อย ๆ และทั่วถึง การรับประทานอาหารซึ่งมีผลไม้และผักสด ธัญพืชทั้งเมล็ด และโปรตีนไขมันต่ำ รวมทั้งการนอนหลับอย่างเพียงพอ การออกกำลังกายเป็นกิจวัตร และการหลีกเลี่ยงฝูงชนขนาดใหญ่[89] การสูบบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดไข้หวัดใหญ่ รวมทั้งทำให้อาการของโรครุนแรงยิ่งขึ้น[90] ในเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ผู้เข้ารับการรักษาของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงที่ระบุได้เป็นผู้สูบบุหรี่[91]

วัคซีน

ผู้คนกว่า 2,500 คน กำลังต่อแถวในศูนย์การค้าแห่งหนึ่งในเท็กซัสซิตี รัฐเท็กซัส เพื่อเข้ารับวัคซีนเอช 1 เอ็น 1 เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ใน 16 ประเทศ ได้มีการผลิตวัคซีนมากกว่า 65 ล้านโดส; ซึ่งดูเหมือนว่าวัคซีนดังกล่าวจะปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ และน่าจะสร้างภูมิคุ้มกันโรคที่แข็งแรงซึ่งควรจะสามารถตอบสนองการติดเชื้อได้[92] วัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลในช่วงที่เกิดการระบาดไม่มีผลต่ออัตราการติดเชื้อ เอช 1 เอ็น 1 เนื่องจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้มีลักษณะที่แตกต่างจากสายพันธุ์ในวัคซีนดังกล่าว[93][94] ในภาพรวม ความปลอดภัยของวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เหมือนกับความปลอดภัยวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล และจากข้อมูลจนถึงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ก็มีรายงานของการเกิดกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เรหลังรับวัคซีนไม่ถึง 12 ราย[95] มีเพียงกรณีจำนวนน้อยเท่านั้นที่ได้รับรายงานเกี่ยวข้องกับการได้รับวัคซีนเอช 1 เอ็น 1 และมีเพียงอาการเจ็บป่วยชั่วคราวเท่านั้นที่ตรวจพบ[95] ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนกับการระบาดของไข้หวัดใหญ่ในสุกร ค.ศ. 1976 หลังจากการฉีดวัคซีนขนานใหญ่ในสหรัฐอเมริกาก่อให้เกิดโรคที่มีความผิดปกติของเส้นประสาทส่วนปลายกว่า 500 กรณี และมีผู้เสียชีวิต 25 คน[96]

อย่างไรก็ตาม ได้มีความกังวลทางด้านความปลอดภัยสำหรับผู้ซึ่งเป็นภูมิแพ้ต่อไข่ เนื่องจากไวรัสสำหรับวัคซีนนั้นถูกเพาะเชื้อในไข่ไก่ บุคคลผู้เป็นภูมิแพ้ต่อไข่อาจสามารถได้รับวัคซีน หลังจากการปรึกษาระหว่างบรรดาแพทย์ โดยใช้ยาที่ได้รับการคัดเลือกในสภาพแวดล้อมซึ่งมีการควบคุมอย่างระมัดระวัง[97] วัคซีนซึ่งผลิตโดยแบกซเตอร์ เป็นวัคซีนซึ่งไม่ใช้ไข่ในการผลิต แต่ต้องฉีดวัคซีน 2 ครั้ง ห่างกัน 3 สัปดาห์ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน[98]

เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน ในประเทศแคนาดา มีรายงานกรณีผู้ป่วย 24 กรณี ซึ่งมีภาวะช็อกจากการแพ้หลังจากได้รับวัคซีน รวมทั้งมีผู้เสียชีวิต 1 คน ในภายหลัง จึงประมาณว่าปฏิกิริยาแพ้ 1 คน ในผู้ได้รับวัคซีน 312,000 คน อย่างไรก็ตาม มีวัคซีนจำพวกหนึ่งซึ่งอัตราการแพ้อยู่ที่ 6 คน ต่อผู้ได้รับวัคซีน 157,000 คน ทำให้วัคซีนชนิดดังกล่าวกำลังอยู่ในระหว่างการสืบสวนที่ยังค้างคาอยู่ ดร.เดวิด บัทเลอร์-โจนส์ ประธานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของแคนาดา ได้กล่าวว่า แม้ว่านี่จะเป็นวัคซีนตัวเสริมเท่านั้น ซึ่งไม่ปรากฏว่าจะเป็นสาเหตุของปฏิกิริยาการแพ้อย่างรุนแรงในผู้ป่วยทั้ง 6 กรณีนั้น[99][100]

เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2552 ผู้ผลิต ซาโนฟี-อเวนติส ได้เรียกคืนวัคซีนสำหรับเด็กกว่า 800,000 โดส ในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีประสิทธิภาพที่ค่อนข้างต่ำ วัคซีนดังกล่าวประกอบด้วยกระบอกฉีดก่อนบรรจุจำนวน 4 ล็อท สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี[101] CDC กล่าวว่า เด็กซึ่งได้รับวัคซีนชนิดนี้ไม่ต้องได้รับวัคซีนอีกครั้ง ตรงกันข้ามกับคำแนะนำที่เคยให้ก่อนหน้าที่ระบุว่า เด็กอายุต่ำกว่า 9 ปีควรจะได้รับวัคซีน 2 โดส ห่างกันเป็นเวลา 1 เดือน เพื่อการตอบสนองภูมิคุ้มกันที่เหมาะที่สุด สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี วัคซีนสามารถหาได้จากมัลติโดสขวดเล็ก ซึ่งบรรจุสารกันเสียที่ใช้ในวัคซีน ทว่าสารดังกล่าวกำลังตกเป็นประเด็นการโต้เถียงกันของสื่อถึงความเชื่อมโยงกับโรคออทิซึม แต่แนวคิดดังกล่าวก็ยังไม่ได้รับการพิสูจน์[102][103] สำหรับเด็กที่มีอายุมากกว่า 2 ปี สเปรย์จมูกสำหรับวัคซีนที่ใช้เชื้อฤทธิ์อ่อนที่มีชีวิตอยู่ก็สามารถหาได้เช่นกัน[104]

มี 12 ประเทศ และผู้ผลิตวัคซีน 6 ราย ซึ่งรับประกันว่าจะบริจาควัคซีนจำนวน 180 ล้านโดสให้กับประเทศกำลังพัฒนา ในการประชุมหนังสือพิมพ์เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ดร.เคอิจิ ฟุคุดะ กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกหวังว่าการขนส่งวัคซีนดังกล่าวจะเริ่มขึ้นอีกภายในไม่กี่สัปดาห์หลังจากนี้[105]

มาตรการรับมือในการเดินทาง

การตรวจโรคไข้หวัดใหญ่ในเที่ยวบินซึ่งเดินทางไปยังจีน

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม องค์การอนามัยโลกกล่าวว่า การจำกัดการเดินทางของประชากรนั้นไม่อาจกระทำได้ และแต่ละประเทศควรมุ่งความสนใจไปยังการบรรเทาผลกระทบของไวรัสแทน องค์การอนามัยโลกยังไม่แนะนำให้ปิดพรมแดนหรือควบคุมการขนส่ง[106] เมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2552 รัฐบาลจีนประกาศว่าผู้ที่มาจากพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบของไข้หวัดใหญ่และมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ภายในสองสัปดาห์จะต้องได้รับการกักกันโรค[107]

สายการบินส่วนใหญ่ของสหรัฐอเมริกายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อตอนต้นของเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2552 แต่ก็ได้ดำเนินมาตรการรับมือที่แน่นอนรวมทั้งการตรวจดูผู้โดยสารซึ่งมีอาการของไข้หวัดใหญ่ โรคหัด หรือโรคติดต่ออื่น ๆ และอาศัยเครื่องกรองอากาศภายในเครื่องบินเพื่อทำให้แน่ใจว่าปราศจากเชื้อโรคในเครื่องบิน[108] หน้ากากยังมิได้มีการจัดหาให้ในสายการบินโดยทั่วไป และ CDC ก็ไม่ได้แนะนำเป็นพิเศษให้ลูกเรือบนเครื่องบินสวมใส่หน้ากากแต่อย่างใด[108] สายการบินนอกสหรัฐอเมริกาบางแห่ง ส่วนใหญ่เป็นสายการบินในทวีปเอเชีย ได้แก่ สิงคโปร์แอร์ไลน์ ไชนาอีสเติร์นแอร์ไลน์ คาเธย์แปซิฟิก และเมซิกานาแอร์ไลน์ ได้ใช้มาตรการ อย่างเช่น การทำความสะอาดห้องโดยสาร การติดตั้งเครื่องกรองอากาศที่ทันสมัย และให้ลูกเรือสวมหน้ากากอนามัย[108]

มาตรการรับมือในโรงเรียน

การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 นำไปสู่การปิดโรงเรียนหลายแห่งเพื่อป้องกันการระบาดในหลายประเทศ แต่ CDC มิได้แนะนำให้ปิดโรงเรียน เพียงแต่ออกมาแนะนำเมื่อเดือนสิงหาคมให้นักเรียนและลูกจ้างของโรงเรียนซึ่งมีอาการของไข้หวัดใหญ่ให้อาศัยอยู่ที่บ้านเป็นเวลาราว 7 วัน หรือหลังไม่มีอาการแล้ว 24 ชั่วโมง[109] นอกจากนั้น CDC ยังกระตุ้นให้โรงเรียนยกเลิกกฎบางข้อไปก่อน เช่น การทำโทษเมื่อส่งการบ้านหลังกำหนด หรือการขาดเรียน หรือการตรวจสอบใบรับรองแพทย์ เพื่อให้นักเรียนหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ชุมชนและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคได้อีกทางหนึ่ง[110] โรงเรียนยังได้รับคำแนะนำให้ผู้มีอาการไข้หวัดใหญ่อยู่ในห้องต่างหากเพื่อรอกลับบ้านและให้ผู้ป่วยสวมใส่หน้ากากผ่าตัดเพื่อควบคุมโรค[111]

มาตรการรับมือในสถานที่ทำงาน

ในสหรัฐอเมริกา กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาด (CDC) ได้พัฒนาคำแนะนำที่ทันสมัย[112] และวิดีโอสำหรับพนักงานเพื่อใช้ดังที่พวกเขาพัฒนาหรือพิจารณาและปรับปรุงแผนการรับมือกับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น คำแนะนำดังกล่าวมีใจความว่าพนักงานควรพิจารณาและติดต่อสื่อสารเป้าหมายของตน ซึ่งอาจส่งผลให้ลดการติดเชื้อกันระหว่างเจ้าหน้าที่ ป้องกันผู้ที่มีความเสี่ยงต่ออาการที่เกี่ยวข้องกับไข้หวัดใหญ่จากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ รักษาการดำเนินการทางธุรกิจและลดผลกระทบกับสิ่งอื่นในห่วงโซ่อุปทาน[112]

CDC ประมาณการว่ามีแรงงานกว่า 40% ในสหรัฐอเมริกา อยู่ในความเสี่ยงที่จะไม่สามารถทำงานได้เมื่อการระบาดของโรคขึ้นสู่จุดสูงสุด เนื่องจากมีความจำเป็นที่ผู้ใหญ่สุขภาพดีจำนวนมากจะต้องอาศัยอยู่กับบ้านและคอยดูแลสมาชิกในครอบครัวที่ป่วยด้วยโรคดังกล่าว[113] และแนะนำว่าแต่ละคนควรมีแผนการสำรองเมื่อที่ทำงานปิดทำการหรือสถานการณ์เลวร้ายลงจนต้องทำงานจากที่บ้าน[114] CDC ยังได้แนะนำต่อไปว่าบุคคลในสถานที่ทำงานควรอาศัยอยู่บ้านเป็นเวลาเจ็ดวันหลังจากได้รับหวัด หรือ 24 ชั่วโมงหลังไม่ปรากฏอาการของโรคอีก[109] ในสหราชอาณาจักร คณะกรรมการจัดการสุขภาพและความปลอดภัย (HSE) ก็ได้ออกคู่มือแนะนำการปฏิบัติตนเบื้องต้นสำหรับพนักงานด้วยเช่นกัน[115]

หน้ากากอนามัย

CDC ไม่ได้แนะนำให้มีการใช้หน้ากากอนามัยหรือเครื่องช่วยหายใจในสถานที่ซึ่งไม่เกี่ยวกับสาธารณสุข อย่างเช่น โรงเรียน ที่ทำงาน หรือในที่สาธารณะ แต่มีข้อยกเว้นบางประการ: บุคคลที่ป่วยควรพิจารณาตนเองและใส่หน้ากากเมื่ออยู่ใกล้กับผู้อื่น และบุคคลที่มีความเสี่ยงต่ออาการป่วยรุนแรงขณะดูแลผู้ที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009[116] แต่ก็มีความไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับค่านิยมของการสวมใส่หน้ากากอนามัย ผู้เชี่ยวชาญบางคนกังวลว่าหน้ากากอาจทำให้ประชาชนมีความเห็นที่ผิดเกี่ยวกับความปลอดภัยและมองข้ามมาตรการป้องกันล่วงหน้าอื่น ๆ[117] หน้ากากอนามัยอาจเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อในระยะใกล้ แต่ก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าการกระทำดังกล่าวสามารถป้องกันเชื้อได้จริง[117] ยุกิฮิโร นิชิยามา ศาสตราจารย์ทางด้านวิทยาไวรัสของแผนกการแพทย์ของมหาวิทยาลัยนาโกยา แนะนำว่าหน้ากากอนามัย "สวมไว้ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย แต่ก็เป็นการยากที่จะป้องกันไวรัสที่ติดต่อทางอากาศเช่นกัน เพราะมันสามารถแทรกตัวผ่านช่องว่างได้ง่าย ๆ"[118] และตามคำอธิบายของผู้ผลิตหน้ากากอนามัย 3M หน้ากากอนามัยจะกรองละอองธุลีในทางอุตสาหกรรม แต่จะ "ไม่ก่อให้เกิดการจำกัดการสัมผัสกับชีวสาร อย่างเช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่ในสุกร"[117]

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะปราศจากหลักฐานสนับสนุนถึงประสิทธิภาพ การใช้หน้ากากอนามัยปรากฏทั่วไปในทวีปเอเชีย[118][119] โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ได้รับความนิยมในญี่ปุ่น ที่ซึ่งนิยมความสะอาดและอนามัยอย่างสูง และเป็นมารยาทสำหรับผู้ที่ป่วยจะสวมหน้ากากเพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่เชื้อให้กับบุคคลอื่น[118] ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2552 เนื่องจากมีความต้องการในระดับสูง ทำให้หน้ากากอนามัยหมดไปจากห้างขายยาบางแห่งในญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าในประเทศจะมีผู้ผลิตหน้ากากอนามัยกว่า 42 รายก็ตาม[118] ซึ่งทำให้เกิดกระแสนิยมการผลิตหน้ากากอนามัยจากวัตถุดิบอื่นในทันที[120][121] จีนตอบสนอง โดยมีการบริจาคหน้ากากอนามัยจากเซี่ยงไฮ้ เทียนจิน และมณฑลกวางตุ้ง เพื่อส่งให้กับโอซากา โกเบ และจังหวัดเฮียวโงะตามลำดับ[122] เช่นเดียวกับไต้หวัน ซึ่งบริจาคหน้ากากอนามัยให้แก่โอซากาและเฮียวโงะ[123]

การกักกันโรค

หลายประเทศได้ริเริ่มการกักกันโรคหรือขู่นักเดินทางจากต่างประเทศซึ่งสงสัยว่าจะมีหรือได้รับการติดต่อกับผู้อื่นซึ่งอาจติดเชื้อ เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2552 รัฐบาลจีนกักตัวนักเรียนอเมริกัน 21 คน และครู 3 คนในห้องโรงแรมของตน[124] กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาจึงออกคำเตือนการเดินทางเกี่ยวกับมาตรการป้องกันไข้หวัดใหญ่ของจีน และเตือนนักเดินทางซึ่งเดินทางไปยังจีนให้หากมีอาการไข้หวัด[125] ในฮ่องกง มีโรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งถูกกักกันโรค โดยมีผู้อาศัยอยู่กว่า 240 คน[126] ออสเตรเลียได้สั่งมิให้เรือสำราญ ซึ่งมีผู้โดยสารกว่า 2,000 คน ขึ้นฝั่ง เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อไข้หวัดใหญ่ในสุกร[127] ชาวมุสลิมอียิปต์ ผู้ซึ่งเดินทางไปแสวงบุญประจำปี ณ เมกกะ เสี่ยงต่อการถูกกักกันโรคเมื่อพวกเขาเดินทางกลับประเทศ[128] รัสเซียและไต้หวันแถลงว่าจะกักกันโรคผู้ที่มีอาการไข้ซึ่งเดินทางมาจากพื้นที่ระบาดในปัจจุบัน[129] ญี่ปุ่นได้กักกันโรคผู้โดยสารของสายการบิน 47 คนในโรงแรม เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ เมื่อกลางเดือนพฤษภาคม[130] จากนั้น เมื่อกลางเดือนมิถุนายน อินเดียได้เสนอให้มีการกรองผู้โดยสารขาออกจากประเทศซึ่งมีการระบาดในระดับสูง[131]

สุกรและความปลอดภัยของอาหาร

ไวรัสโรคระบาดในปัจจุบันเป็นไข้หวัดใหญ่ในสุกรชนิดหนึ่ง สันนิษฐานว่ากำหนดมาจากสายพันธุ์ไข้หวัดใหญ่ซึ่งอาศัยอยู่ในสุกร จากแหล่งที่มาดังกล่าว ทำให้มีการเรียกชื่อโดยทั่วไปว่า "ไข้หวัดหมู" ซึ่งเป็นคำที่ใช้กันมาในการสื่อสารมวลชน ไวรัสดังกล่าวค้นพบในสุกรในสหรัฐอเมริกา[132] และแคนาดา[133] เช่นเดียวกับสุกรในไอร์แลนด์เหนือ อาร์เจนตินา และนอร์เวย์[134] อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะถือกำเนิดในสุกร สายพันธุ์ดังกล่าวก็สามารถติดต่อจากคนสู่คน มิใช่จากสุกรสู่คน[4] กระทรวงการเกษตรของสหรัฐอเมริกาอธิบายให้ชัดเจนว่า ถึงแม้ว่าชื่อโดยสามัญจะเรียกว่า "ไข้หวัดหมู" ก็ตาม แต่ไม่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้หวัดจากการรับประทานผลิตภัณฑ์จากเนื้อสุกรที่ปรุงสุกแล้ว[135] อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2552 อาร์เซอร์ไบจานได้สั่งห้ามการนำเข้าผลิตภัณฑ์จากการเลี้ยงสัตว์จากทวีปอเมริกา[136] รัฐบาลอินโดนีเซียยังได้สั่งชะลอการนำเข้าสุกรและยังเริ่มการตรวจสอบสุกร 9 ล้านตัวในอินโดนีเซีย[137] ส่วนรัฐบาลอียิปต์สั่งฆ่าสุกรทุกตัวในประเทศเมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2552[138]

แหล่งที่มา

WikiPedia: การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 http://www.news.com.au/adelaidenow/story/0,22606,2... http://www.abc.net.au/news/stories/2009/04/30/2556... http://www.abc.net.au/news/stories/2009/05/28/2583... http://news-en.trend.az/society/health/1462401.htm... http://www.phac-aspc.gc.ca/alert-alerte/h1n1/confe... http://www.ajc.com/health/content/shared-auto/heal... http://www.baltimoresun.com/health/bal-md.hs.flu21... http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-sty... http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics... http://www.bangkokpost.com/news/asia/142274/face-m...